
รัฐบาลจีนตั้งเป้าผลักดันอุตสาหกรรมภาพยนตร์จีนสู่ตลาดหนังแถวหน้าของโลกในอีก 5 ปีข้างหน้า
โดยเบื้องต้น แผนงานจะเริ่มตั้งแต่การเพิ่มปริมาณโรงฉายภาพยนตร์ในประเทศให้ได้ถึงหนึ่งแสนโรง (จากตัวเลข ณ เดือนมีนาคม ที่ 77,769 โรง) โดยจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาเครือข่ายโรงภาพยนตร์ ณ พื้นที่ห่างไกล เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน และมีเป้าหมายที่จะเอาชนะโรงหนังสแตนด์อโลนท้องถิ่นให้ได้ใน 5 ปี ซึ่งเป็นสิ่งที่รัฐบาลจีนมองว่าจำเป็น เนื่องจากการมีโรงหนังของรัฐเองจะง่ายต่อการกำหนดมาตรฐานและการควบคุม นโยบายสำคัญคือแต่ละโรงภาพยนตร์จะถูกกำหนดให้มีอย่างน้อยหนึ่งห้องฉายที่เป็น “โรงหนังของประชาชน” สำหรับฉายหนังโฆษณาชวนเชื่อตามมาตรฐานทางอุดมการณ์ของรัฐบาล
โดยแผนงานดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของนโยบายที่จะ “เสริมสร้างความแข็งแกร่งทางวัฒนธรรม” ให้สำเร็จภายในปีค.ศ. 2035 ซึ่งรัฐบาลจีนยืนยันว่าขั้นตอนที่สำคัญคือ “รัฐบาลจะต้องมีอำนาจเบ็ดเสร็จเหนืออุตสาหกรรมภาพยนตร์เสียก่อน” และภายใต้การดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าว จีนวางเป้าหมายที่จะผลิต “ผลงานชิ้นเอกซึ่งแสดงถึงจิตวิญญาณของความเป็นจีน ค่านิยมของจีน อำนาจของจีน และสุนทรียศาสตร์แบบจีน” ออกสู่สายตาชาวโลกให้ได้อย่างต่อเนื่อง โดยมีอย่างน้อย 10 เรื่องต่อปีที่ประสบความสำเร็จทั้งในแง่คำวิจารณ์และรายได้ นอกจากนี้ จีนยังมีเป้าหมายที่จะเสริมความแข็งแกร่งของอุตสหกรรมภาพยนตร์ในประเทศ ด้วยการกำหนดให้ภาพยนตร์จีนต้องยึดครอง 55 % ของสัดส่วนรายได้ประจำปีของ Box Office
เน้นผลิตหนังโฆณษาชวนเชื่อหลากหลายรูปแบบ ทั้งไซไฟและแอนิเมชัน ซึ่งล้วนนำเสนอแง่มุมด้านบวก ความรักชาติ และภาพลักษณ์อันดีงามของจีน
ถึงแม้แผนการดังกล่าวจะบ่งชี้ให้เห็นถึงความสำคัญในการผลิตผลงานที่หลากหลาย แต่หนังที่จะได้รับการสนับสนุนจะต้องเป็นผลงานที่นำเสนอสุนทรียศาสตร์แบบตะวันออกและจิตวิญญาณของความเป็นจีน โดยมีเป้าหมายเพื่อสนับสนุน ให้ความรู้ และสร้างความมั่นใจให้คนรุ่นใหม่เกิดความภาคภูมิใจในวัฒนธรรมของตนเอง นอกจากหนังไซไฟและแอนิเมชัน ยังครอบคลุมไปถึงกลุ่มหนังพิเศษ (ฉาย IMAX หรือ 3D), หนังที่ว่าด้วยเรื่องราวของคนในพื้นที่ชนบท เยาวชน กลุ่มชาติพันธุ์ สารคดี และโอเปรา
จีนยังมุ่งเน้นที่จะให้มีการผลิตสร้างภาพยนตร์ที่ “ยกย่องพรรค (คอมมิวนิสต์จีน) ประชาชน วีรชน เพื่อสืบทอดอุดมการณ์ของพรรคต่อไป รวมถึงภาพยนตร์ที่เฉลิมฉลองเหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ เช่น การครบรอบ 80 ปีของสงครามเกาหลี เป็นต้น”
กล่าวได้ว่าอีก 5 ปีนับจากนี้ การเมืองจะมีบทบาทอย่างหนักข้อยิ่งขึ้นต่ออุตสาหกรรมภาพยนตร์จีน ตั้งแต่กระบวนการผลิต จัดจำหน่าย ไปจนถึงเวทีประกาศรางวัล สะท้อนออกมาผ่านข้อกำหนดที่บังคับให้ผู้ผลิต “ต้องมีทั้งความสามารถ ความเห็นพ้องทางการเมือง และมาตรฐานทางจริยธรรม” นั่นหมายความว่าภาพยนตร์จีนนับจากนี้ นอกจากจะต้องคำนึงถึงคุณค่าทางศิลปะและศักยภาพในการทำเงิน ยังต้องถูกตัดสินด้วยมาตรวัดทางการเมืองด้วย
ผลักดันภาพยนตร์จีนสู่คานส์
รายงานยังกล่าวถึงเป้าหมายที่จะขยายเครือข่ายจัดจำหน่ายระหว่างประเทศของจีน เพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันในระดับนานาชาติ ผ่านกลุ่มเป้าหมายและช่องทางการรับชมที่หลากหลายมากยิ่งขึ้น ค่ายภาพยนตร์จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐให้สำรวจตลาดต่างประเทศผ่านการลงทุน การควบรวมกิจการ การขยายความร่วมมือ และอื่น ๆ ซึ่งเป็นนโยบายที่น่าติดตาม โดยเฉพาะในช่วงเวลาของสงครามการค้าระหว่างอเมริกาและจีน
นอกจากนี้จะมีการผลักดันให้เกิดบูธค้าขายภาพยนตร์จีนในเทศกาลภาพยนตร์สำคัญ ๆ ทั่วโลก อย่าง คานส์ เวนิส ฮ่องกง และอื่น ๆ เพื่อแสดงให้ต่างชาติเห็นถึงความก้าวหน้าและความสำเร็จของภาพยนตร์จีน ด้วยความมุ่งหวังว่าจะก่อให้เกิดการส่งเสริมการค้าขายภาพยนตร์ระหว่างประเทศมากยิ่งขึ้น
อ้างอิง
https://variety.com/2021/film/news/china-cannes-movies-screens-film-plan-1235112965/