Red Rocket – จนกว่าอเมริกาจะยิ่งใหญ่อีกครั้ง


หนังของฌอน เบเกอร์มักจะพาเราไปสำรวจความลำบากยากแค้นของคนชายขอบในอเมริกาอยู่เสมอ หรือถ้าจะให้จำเพาะเจาะจงไปอีก เป้าสนใจของเขาก็มักจะวนเวียนอยู่กับบรรดาผู้คนที่ข้องแวะกับการค้าประเวณี ไม่ว่าจะกลุ่มที่อาศัยอยู่หลังม่านอุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่ ลูกเล็กเด็กแดง หรือกลุ่มผู้มีความหลากหลายที่วิ่งเต้นเอาตัวรอดอยู่ตามซอกหลืบมุมมืดของสังคม ยิ่งไปกว่านั้น ตัวละครของฌอน เบเกอร์มักจะตกอยู่ในสถานการณ์ที่ถูกความยากจนวิ่งไล่ราวกับเงาตามตัว พูดอีกอย่าง ตัวละครของเขามักจะอยู่ในสถานะสิ้นเนื้อประดาตัว หรือหากมิใช่ก็ใกล้เคียง และหนังของเขาก็มักจะชี้ชัดให้เห็นว่าสถานะ ‘คนชายขอบ’ ที่คนเหล่านี้ถือครองอยู่ก็หาได้เป็นสิ่งที่สืบทอดกันตามสายเลือด หรือได้มาเพราะความอับโชคเป็นสำคัญ แต่เพราะถูกขับไสไล่ส่งให้จำต้องกลายเป็นคนริมขอบไปอย่างไม่อาจขัดฝืน

ข้อน่าสังเกตคือ ‘ความจน’ ในหนังของฌอน เบเกอร์ ไม่ได้ครอบคลุมความหมายเพียง ‘อัตคัดขัดสน มีเงินไม่พอยังชีพ’ ตามนิยามความหมายในพจนานุกรม (ไทย) แต่กินความหมายไปถึง ‘อับจนหนทาง’ หรือ ‘จนตรอก’ ในแบบเดียวกับที่หลายคนมักใช้บรรยายสถานะของสุนัข Red Rocket ผลงานล่าสุดของคนทำหนังชาวอเมริกันที่เข้าสายประกวดของเทศกาลหนังเมืองคานส์เมื่อปี 2021 เป็นหนังที่บอกเล่าเรื่องราวดังกล่าวได้อย่างเห็นภาพ ไมกีย์ เซเบอร์ (ไซมอน เร็กซ์) เป็นอดีตนักแสดงหนังผู้ใหญ่ระดับแถวหน้าของวงการ เขาเข้าชิงและกวาดรางวัลมานับไม่ถ้วน แต่จนแล้วจนรอดก็ต้องระเห็จระเหินกลับมาตายรัง วิงวอนร้องขอที่ซุกหัวนอนจากภรรยาที่ครั้งหนึ่งแยกทางกันไปแล้ว ครั้นจะเริ่มต้นใหม่อย่างขาวสะอาดก็ไม่มีนายจ้างหน้าไหนใคร่รับ ‘อดีตพระเอกหนังโป๊’ มาเข้าทำงาน “ฉันคิดว่าลูกค้าอาจจะรู้สึกไม่สบายใจถ้าคุณมาเสริ์ฟอาหารให้พวกเขา” นายจ้างคนหนึ่งกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่ไร้ข้อกังขาว่าบาดลึกเกินกว่าจะทนทาน

นั่นคือภาพที่อธิบายสถานะ ‘จนตรอก’ ของไมกีย์ ได้อย่างกระจ่างชัด เขาไม่เพียงขัดสนเงินทองสำหรับเยียวยาความหิวโหยหรือสำหรับหาที่คุ้มกะลาหัว แต่ในสังคมที่มอบสถานะคนชั้นสองให้แก่ดาราหนังโป๊โดยอัตโนมัติ การได้มาซึ่งโอกาสที่สองนั้นยากเย็นแสนเข็ญไม่แพ้กัน อย่างไรก็ดี หากจะกล่าวว่า Red Rocket เป็นหนังฝ่ายซ้ายราคาถูก ประเภทละครชีวิตที่มุ่งฉายซ้ำภาพระทมขมขื่นของคนตัวกระจ้อยร่อยราวกับเครื่องเสียงตกร่อง ก็นับว่าเป็นอะไรที่ผิดถนัด หนังของฌอน เบเกอร์หาได้เป็นเพียงละครสำรวจชีวิตคนจนหรือกระทั่งดาราหนังโป๊ เหนือสิ่งอื่นใด หนังของเขาเปรียบเสมือนสมุดบันทึกเรื่องราวของ ‘คนอเมริกัน’ ที่ส่องสว่างให้เห็นว่า การเกิดและโตบนผืนแผ่นดินอเมริกา บนความเหลื่อมล้ำ ขัดสน ท่ามกลางเสียงเซ็งแซ่ที่ปลุกเร้าให้ทุกคนไปให้ถึง ‘ความฝันแบบอเมริกัน’ โอบอุ้มนัยยะความหมายใดบ้างไว้เบื้องหลัง ในลักษณะเดียวกับที่หนังของฟรานซิส ฟอร์ด คอปโปลา หรือมาร์ติน สกอร์เซซี บันทึกเรื่องราวความหมายของการเป็นคนอเมริกันเชื้อสายอิตาเลียนในยุคสมัยหนึ่ง

ไม่บังเอิญแน่ที่เรื่องราวของ Red Rocket เกิดขึ้นในเท็กซัสช่วงฤดูร้อนปี ค.ศ. 2016 ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่บรรดาผู้สมัครรับเลือกตั้งประธานาธิบดีกำลังขับเคี่ยวกันอย่างดุเดือดเลือดพล่าน เท็กซัสเป็นป้อมปราการสำคัญที่รีพับลิกันมั่นอกมั่นใจว่าเดโมแครตจะไม่มีวันย่ำกรายเข้ามาประชิดได้สำเร็จ หนังเล่นล้อกับเสียงโอ้อวดของโดนัลด์ ทรัมป์ และลิ่วล้อของเขาที่เล็ดรอดออกมาจากโทรทัศน์ที่ผู้คนในชุมชนเฝ้าติดตามอย่างแข็งขัน ส่งสัญญาณว่าประวัติศาสตร์ส่อแววซ้ำรอยเมื่อเขากำลังจะกลายเป็นนอมินีของรีพับลิกันลำดับที่สิบต่อเนื่องที่สามารถชนะในเขตแดนนี้ได้สำเร็จ ว่าไปแล้ว อเมริกาในช่วงเวลาดังกล่าวก็ไม่ต่างจากตัวไมกีย์ เซเบอร์ พวกเขามีอดีตที่เคยรุ่งโรจน์ แต่ถึงแม้ปัจจุบันจะอยู่ในสถานะตกกระป๋อง ทว่ารูปลักษณ์ภายนอกก็ยังภูมิฐานดูน่าเชื่อถือ อย่างน้อย ๆ ก็เพียงพอให้ใช้คารมคมคายในการโน้มน้าวให้ใครต่อใครมาเชื่อลมปากได้อย่างไม่ยากเย็น ทั้งไมกีย์และอเมริกาต่างโหยหาที่จะกลับไป ‘Great again’ ไม่ว่าคำนี้โอบอุ้มความหมายใด หรือต้องอาศัยกระบวนการที่สกปรกโสโครกและน่ารังเกียจเพียงไรก็ตาม

พูดอีกอย่าง ตัวละครไมกีย์ เซเบอร์ ก็คือภาพสะท้อนของทรัมป์ และอุตสาหกรรมหนังผู้ใหญ่ก็เป็นพื้นที่ที่เปิดโอกาสให้บรรดาชายโฉดเข้ามาใช้ความมาโชฉกฉวยผลประโยชน์จากผู้หญิง นี่คืออุตสาหกรรมที่เอื้ออำนวยให้ความเป็นชายทำงานอย่างไร้การตรวจสอบ ในทำนองเดียวกับที่สังเวียนการเมืองเปิดช่องให้คนอย่างโดนัลด์ ทรัมป์ เข้ามาครองอำนาจ ช่วงหนึ่งหนังตั้งคำถามขึ้นมาอย่างน่าสนใจว่า ‘รางวัล Best Oral Sex ไม่ควรจะเป็นของนักแสดงหญิงหรอกหรือ?’ “การทำออรัล นักแสดงชายต้องเป็นฝ่ายควบคุมนักแสดงหญิง” ไมกีย์ ยืนยันด้วยน้ำเสียงและสีหน้าแห่งความภาคภูมิใจ ในแง่นั้น Red Rocket จึงเป็นทั้งหนังที่สืบสานสิ่งที่ฌอน เบเกอร์ทำมาตลอดในฐานะคนทำหนัง แต่ขณะเดียวกันก็ขยับขยายพาเราคนดูออกไปสำรวจยังพื้นที่ใหม่ ๆ ที่ยังไม่ถูกตรวจสอบ โดยเฉพาะการบอกเล่าเรื่องราวผ่านตัวละครที่ไม่ชวนให้ร่วมหัวจมท้ายหรือน่าเอาใจช่วยแม้แต่น้อย

แต่ไม่ว่าอย่างไร ส่วนที่แยบยลซึ่งแสดงทั้งความเป็นนักทำหนังชั้นยอด และตอกย้ำความแหกขนบนอกคอกฮอลลีวู้ดของฌอน เบเกอร์ คือท่าทีที่เขาพาคนดูไต่เส้นศีลธรรมไปได้ตลอดรอดฝั่ง หนังไม่ได้ประพฤติตัวเป็นตำรวจศีลธรรมที่เที่ยวไล่สั่งสอนคนดูว่าสิ่งที่ไมกีย์ทำเป็นเรื่องผิดบาป แต่ท้าทายหรือกระทั่งยั่วยวนให้เราคนดูเกิดความสับสนอลหม่านระหว่างที่ไมกีย์กำลังวางแผนล่อลวงเด็กสาววัย 17 เข้าสู่วงการหนังผู้ใหญ่ นั่นคือตอนที่หนังเปิดเปลือยให้เห็นกันอย่างตำตาว่าเหตุใด และด้วยกลวิธีใด ที่คนวิปริตผิดเพี้ยนอย่างไมกีย์ใช้ในการกอบโกยผลประโยชน์จากคนรอบข้าง หรืออีกนัยหนึ่ง นี่คือหนังที่อาจทำให้คนดูผู้มีศีลธรรมสูงส่งรู้สึกกระอักกระอ่วน เมื่อค้นพบว่าตนเองกำลังเอาใจช่วยอาชญากรชั้นต่ำ เมื่อพิจารณาจากภาพที่ปรากฏ เขารู้วิธีเข้าหาคน รู้จักที่จะพูดในสิ่งที่ผู้ฟังอยากได้ยิน ด้วยสเน่ห์เหลือล้นถึงแม้ร่างกายจะเริ่มโรยรา คุณอาจปฏิเสธเขาได้ในหนแรกและคนที่สอง แต่ไม่ใช่หนที่สาม และเพียงไม่นาน อาจเพียงชั่วเวลากาแฟยังอุ่นเท่านั้น Red Rocket ก็กลายเป็นกระจกสะท้อนบานใหญ่ที่เผยให้เห็นภาพชัดว่าเหตุใดคนนับล้านจึงหลงคล้อยตามการโป้ปดคำโตของคนอย่างโดนัลด์ ทรัมป์


Grade: A-

Directed by Sean Baker
Written by Chris Bergoch, Sean Baker
Produced by Sean Baker, Alex Coco, Samantha Quan, Alex Saks, Shih-Ching Tsou
Starring Simon Rex, Bree Elrod, Suzanna Son
Cinematography by Drew Daniels
Edited by Sean Baker

Leave a Reply

Fill in your details below or click an icon to log in:

WordPress.com Logo

You are commenting using your WordPress.com account. Log Out /  Change )

Facebook photo

You are commenting using your Facebook account. Log Out /  Change )

Connecting to %s