Tag Archives: Paul Thomas Anderson

พอล โทมัส แอนเดอร์สัน “ถ้าวันนึงผมจะเลิกทำหนัง ผมก็จะแค่หายไปเลยโดยไม่บอกใคร”

ใครจะรู้ว่าชีวิตนอกกองถ่ายของพอล โทมัส แอนเดอร์สันนั้นแท้จริงแล้วก็ยังวุ่นวายไม่แพ้ช่วงที่เขาออกกอง โดยเฉพาะเมื่อเขามีลูก ๆ ที่ต้องดูแลถึงสี่คน ทำให้ส่วนใหญ่เขามักตื่นนอนตั้งแต่ตีห้าเพื่อใช้เวลาอยู่กับตัวเอง เขียนบทภาพยนตร์ หรือดูหนัง ก่อนที่จะถึงเวลาตื่นนอนของลูก ๆ “มันเป็นช่วงเวลาสงบ ๆ ของผม” มาสเตอร์คนสำคัญแห่งฮอลลีวู้ดเปิดเผยกับ Variety “แต่ข้อเสียของการตื่นเช้าคือพอบ่ายโมงคุณก็หมดพลังแล้ว” กิจวัตรของเขาจึงมักจบลงด้วยการเข้านอนตั้งแต่สามทุ่ม และเนื่องในโอกาสที่ Licorice Pizza ผลงานลำดับที่ 9 ของเขากำลังจะเข้าฉายวงกว้างในอเมริกา (และหนังได้รับกระแสตอบรับที่ดีมาก ๆ จากนักวิจารณ์) หนึ่งในผู้กำกับที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวสูงที่สุดในฮอลลีวู้ดได้มานั่งเปิดอกพูดคุยในหลากหลายประเด็น ตั้งแต่เบื้องลึกเบื้องหลังของหนังที่ว่ากันว่าเป็นผลงานที่ตลกขำขันและเบาสมองที่สุดของเขา ชีวิตส่วนตัว มุมมองของเขาต่อการมาของสตรีมมิ่ง ความซ้ำซากจำเจของหนังฮอลลีวู้ดฟอร์มยักษ์ ไปจนถึงแผนการวางมือของเขาในอนาคต

แซม เมนเดส เรียกคุณว่า “ออเตอร์ตัวจริง” คุณนิยามตัวเองอย่างนั้นหรือเปล่า?

ผมค่อนข้างประหม่าหากจะต้องนิยามตัวเองด้วยคำภาษาฝรั่งเศส โดยเฉพาะเมื่อความหมายลึกของมันหมายถึงพวกโรคจิตบ้าอำนาจ แต่ถ้าเป็นในความหมายภาษาอังกฤษ ผมน้อมรับมันในฐานะคำชมนะ เพราะมันก็จริงที่ผมทุ่มเททั้งกายและใจให้กับสิ่งที่ผมทำอยู่ ผมใช้เวลาทั้งชีวิตไปกับมันจนแทบไม่มีเวลาให้กับสิ่งอื่น แซม เมนเดส สามารถทำได้หลากหลายอย่าง ซึ่งผมได้แต่มองดูแล้วก็คิดว่ามันคงสนุกมากจริง ๆ ถ้าได้กำกับละครเวที แต่สำหรับตอนนี้ ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าจะเริ่มมันจากตรงไหน และถึงแม้ว่าตอนนี้จะมีคนหยิบยื่นโอกาสนั้นมาให้ผม ผมก็อาจจะรู้สึกกลัวอยู่ดีว่าสุดท้ายแล้วมันอาจพรากอะไรบางอย่างจากผมไป นั่นคือการเขียนบทและออกไปกำกับ

อะไรคือแรงบันดาลใจให้คุณสร้าง “Licorice Pizza”?

นานมาแล้ว ตอนผมกำลังเดินเล่นอยู่แถวระแวกบ้าน ผมบังเอิญเดินผ่านโรงเรียนประถม วันนั้นเป็นวันถ่ายรูปประจำปีของโรงเรียนพอดี ผมดันไปเห็นเด็กวัยรุ่นคนนึงกำลังกระหนุงกระหนิงกับเด็กผู้หญิงที่กำลังถ่ายรูปอยู่ มันเป็นจุดเริ่มต้นชั้นดีทีเดียว มันชวนให้เกิดคำถามว่าจะเกิดอะไรขึ้นล่ะถ้าเด็กชายคนนึงชวนผู้หญิงซึ่งโตกว่ามากินข้าวเย็นที่บ้าน แล้วเด็กหญิงคนนั้นก็ตอบรับถึงแม้โดยสามัญสำนึกแล้วเธอรู้ว่าไม่ควรก็ตาม มันดูจะเป็นวัตถุดิบชั้นดีสำหรับเรื่องตลกขำขัน แต่สุดท้ายก็ไม่มีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเกิดขึ้นหรอก แต่บังเอิญว่าผมมีเพื่อนคนนึงซึ่งโตมาในหุบเขาของซาน เฟอร์นานโด เขาเคยเป็นนักแสดงเด็ก เป็นคนที่สามารถเล่าเรื่องตลก ๆ ให้คุณฟังได้ทั้งวัน อย่างเรื่องตอนที่เขาได้แสดงใน Yours, Mine and Ours กับลูซีลล์ บอล วันนึงเขาต้องเดินทางไปงานเปิดตัวหนังที่นิวยอร์ก ซึ่งจำเป็นต้องมีพี่เลี้ยงติดตามไปด้วย มันจบด้วยการที่เขาต้องไปจ้างแดนเซอร์คนนึงในหมู่บ้านไปแทน แล้วตอนนั้นลูซีลล์ บอล กำลังแต่งงานอยู่กับแกรี มอร์ตัน เธอเลยมักจะตะโกนว่า “แกรี!” อยู่ตลอดเวลา ซึ่งนั่นเป็นชื่อเพื่อนของผมด้วย เขาก็เลยตกใจทุกครั้ง เหมือนกับว่า “นี่ฉันกำลังถูกดุอยู่หรอ?” ทั้งที่จริง ๆ แล้วเธอกำลังตะโกนใส่สามีของเธอต่างหาก

เพื่อนคนนั้นใช่ แกรี เกิตซ์มัน โปรดิวเซอร์กับพาร์ทเนอร์ทางธุรกิจของทอม แฮงส์ หรือเปล่า?

เขาแสดงในเป็นเด็กใน Yours, Mine and Ours ผมไม่รู้ว่าตัวเองพยายามจะปิดบังว่าเป็นเขาอยู่หรือเปล่า แต่ช่างมันเถอะ ใช่ คนนั้นแหละ

เรื่องราวของ “Licorice Pizza” เกิดขึ้นในหุบเขาซาน เฟอร์นานโด ทำไมหนังหลาย ๆ เรื่องของคุณถึงเล่าเรื่องของที่นั่น?

ความผ่อนคลาย สบายใจ และความสวยงาม รวมถึงรสชาติและกลิ่นของมัน ผมรักที่นั่น ถามว่าผมอยากจะไปถ่ายทำในที่อื่น ๆ บ้างหรือเปล่า แน่นอน ผมอยาก ก่อนหน้านี้ผมก็กำลังเขียนเรื่องนึงอยู่ แต่ดันถูกเบี่ยงเบนความสนใจมาที่เรื่องนี้แทน มันก็มีบางโมเมนต์เหมือนกันที่คุณถามตัวเองว่า “อีกแล้วหรอ นายจะทำหนังที่เซ็ตติ้งในยุค 70 ของลอส แองเจลิสอีกแล้วหรอ?” แต่สุดท้ายผมก็แค่ช่างมัน ปัดความคิดนั้นทิ้งไปเหมือนปัดแมลงวัน

ชื่อเรื่อง  “Licorice Pizza” มีความหมายว่าอะไร?

หลังจากนั่งคิดนอนคิดอยู่หลายเดือนว่าจะตั้งชื่อหนังว่าอะไรดี ผมก็เกิดความคิดขึ้นมาว่าคำสองคำนี้พอมันผนวกกันแล้วทำให้ผมนึกถึงวัยเด็กของตัวเองขึ้นมา มีร้านแผ่นเสียงชื่อ Licorice Pizza อยู่ในตอนใต้ของแคลิฟอร์เนียจริง ๆ แล้วมันก็เป็นคำที่ดูจะสรุปรวบยอดความรู้สึกของหนังได้ในคำเดียว ผมคิดว่าถ้าคุณเป็นคนที่ไม่มีความหลังอะไรกับร้านนั้น มันก็ยังเป็นสองคำที่ดูจะไปด้วยกันได้แล้วก็สื่ออารมณ์ความรู้สึกบางอย่างได้ในตัวมันเอง ไม่รู้สิ มันอาจจะแค่ดูดีตอนอยู่บนโปสเตอร์ก็ได้ ค่ายหนังผลิตหนังเรื่องนี้ชื่อ Soggy Bottom ซึ่งดันบังเอิญเป็นชื่อเดียวกับบริษัทเตียงน้ำของแกรี วาเลนไทน์ด้วย สื่อเลยเกิดสับสนจนเอาไปทำข่าวกันว่านั่นคือชื่อหนัง ขอสารภาพว่าผมคงนอนตายตาไม่หลับแน่ถ้าหนังของตัวเองชื่อ “Soggy Bottom”

ในหนัง แกรี อายุ 16 ขณะที่ อลานา อายุ 20 กลาง ๆ คุณมีข้อจำกัดอะไรบ้างในการนำเสนอเรื่องราวความรักของพวกเขา?

มันเป็นแค่การเกี้ยวพาราสีกัน ไม่ถึงขั้นก้าวล้ำข้ามเส้นอะไร แบบนั้นมันอาจไม่เหมาะสม คุณสามารถรู้สึกถึงเคมีของพวกเขาได้ในทันที แต่มันมีขอบเขตซึ่งไม่ควรข้ามไปอยู่

มีหนังที่เป็นแรงบันดาลใจให้ “Licorice Pizza” ไหม?

สองเรื่องที่อยู่ในหัวของผมคือ American Grafiti และ Fast Times at Ridgemont High

คุณถ่ายทำในช่วงโควิด มาตรการต่าง ๆ ทำให้เกิดประสบการณ์ที่ยากลำบากหรือเปล่า?

ไม่เลย การถ่ายหนังเรื่องนี้มอบประสบการณ์ที่สนุกที่สุดสำหรับผม มันดีจริง ๆ เวลาที่คุณถูกรายล้อมไปด้วยเพื่อน ๆ และครอบครัวของคุณ ได้กลับไปเยี่ยมสถานที่ในวัยเด็ก เล่นนั่นนี่ พร้อมกับสร้างสรรค์ผลงานไปด้วย

อัลเฟร็ด ฮิตช์ค็อก เขียนสตอรีบอร์ดอย่างพิถีพิถัน ถึงขั้นที่เขากล่าวว่างานของเขาเสร็จสิ้นไปตั้งแต่ก่อนนักแสดงจะมาถึงกองถ่ายแล้ว คุณทำงานแบบนั้นหรือเปล่า?

ผมมีกรอบแนวทางอยู่ แต่ไม่ถึงขั้นกับละเอียดยิบย่อย ข้อดีของการถ่ายทำในชุมชนของคุณเองในหนังแบบนี้คือคุณพอจะมีภาพร่างคร่าว ๆ ในหัวของคุณอยู่แล้ว แต่แน่ล่ะ พอคุณมาถึงแล้วพบว่ามีเด็กกว่า 200 คนต่อคิวรอถ่ายรูปอยู่ มันก็กลายเป็นอีกเรื่องทันที มันเหมือนกับการจับปูใส่กระด้ง คุณต้องปลุกปล้ำให้พวกเขามาอยู่ในเฟรม หรือไม่ก็ต้องตามออกไปถ่ายในที่ที่ พวกเขาไป ผมไม่ซื้อไอเดียที่่ว่าคุณต้องรู้รายละเอียดงานทุกกระเบียดนิ้วก่อนเริ่มถ่ายทำเท่าไร คุณต้องเหลือพื้นที่ว่างให้กับการค้นพบสิ่งใหม่ ๆ ระหว่างทางด้วย

คุณเขียนบทภาพยนตร์โดยมีนักแสดงในใจอยู่แล้วหรือเปล่า?

โดยส่วนใหญ่แล้วเป็นแบบนั้น ผมชอบที่จะทำงานกับคนที่ผมรู้จักคุ้นเคยเป็นอย่างดี ผมอยู่ในจุดที่มันเริ่มยากแล้วที่จะทำงานกับคนที่คุณไม่รู้จักพวกเขาอย่างลึกซึ้ง มันยากนะที่จะทำงานอะไรพวกนี้โดยที่ไม่มีความเข้าอกเข้าใจกันมาก่อน

พอล โทมัส แอนเดอร์สัน, คูเปอร์ ฮอฟฟ์แมน, อลานา ไฮม์

ในกรณีของ อลานา ไฮม์ ซึ่งรับบทเป็น อลานา คุณเคยทำเอ็มวีให้กับวง Haim ของเธอกับพี่สาวมาก่อน แต่เธอยังไม่เคยจับงานแสดงอย่างจริงจัง อะไรทำให้คุณตัดสินใจเลือกเธอ?

เรื่องราวของหนังจำเพาะเจาะจงต่อซาน เฟอร์นานโดอย่างมาก การแคสติ้งจึงสำคัญอย่างยิ่ง ลองนึกว่าถ้าคุณอยากจะบอกเล่าเรื่องราวของนิวยอร์ก คุณก็ต้องแคสต์ มาริซา โทเมย์ ขณะที่อลานาไม่ได้แค่ดูเหมือนว่าเธอมาจากชุมชนนั้น แต่เธอพูดสำนวนภาษาเดียวกับคนที่นั่น เธอเติบโตมาจากที่นั่น แล้วเธอก็มีความเกรี้ยวกราด ความทะเยอทะยาน และเป็นเด็กหัวไว ผมนึกไม่ออกเลยว่าจะมีใครเหมาะสมเท่านี้อีก ในหนังเธอเริ่มต้นจากการเป็นตัวละครที่อยู่ในสถานะที่ดี มีอนาคตอีกยาวไกล แต่อย่างช้า ๆ สิ่งเหล่านั้นค่อย ๆ ถูกสั่นคลอนจนกลายเป็นความไม่มั่นคง มันทำให้เธอรู้สึกโกรธเคืองและสิ้นหวัง

คุณแคสต์ คูเปอร์ ฮอฟฟ์แมน ลูกชายของฟิลลิป ซีมัวร์ ฮอฟฟ์แมน มารับบทแกรี เขาเคยแสดงหนังมาก่อนหรือเปล่า?

จริง ๆ คูเปอร์เล่นหนังที่เราถ่ายกันเล่น ๆ ในครอบครัวมาหลายปีแล้ว ส่วนใหญ่เป็นหนังแอคชั่นซึ่งเขามักจะเป็นตัวร้ายที่ถูกกระทืบหรือไม่ก็ถูกยิงโดยลูกชายของผม นอกไปจากนี้เขายังไม่เคยเล่นในระดับมืออาชีพ ผมไม่ได้เขียนบทนี้โดยนึกถึงเขามาก่อนหรอก ผมเขียนมันในฐานะเด็กชายอายุ 15-16 ปี สักคนหนึ่ง ตอนแรกผมออกไปหานักแสดงตามวิธีปกติทั่วไป แล้วก็ได้เจอนักแสดงที่มีความสามารถหลายคน แต่ส่วนใหญ่พวกเขาเก่งแล้วก็มั่นอกมั่นใจเกินวัย ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่ดึงดูดความสนใจของผมเท่าไร

เทียบกับตัวละครที่ผ่านมาของคุณ แกรีดูจะเป็นตัวละครที่บอบช้ำน้อยกว่าคนอื่น?

นั่นเพราะสิ่งที่น่าสนใจเกี่ยวกับตัวละครนี้คือ เขาเป็นจริงเป็นจังกับบางสิ่งได้เพียง 15 นาที เหมือน ๆ กับเด็กวัย 15-16 คนอื่น ๆ

ฌอน เพนน์ รับบทเป็นนักแสดงติดเหล้าที่ชื่อว่า แจ็ค โฮลเดน เขาเป็นภาพแทนของวิลเลียม โฮลเดน หรือเปลา?

ใช่ แจ็ค โฮลเดน เป็นตัวแทนของวิลเลียม โฮลเดน บางครั้งผมก็อยากจะเรียกตัวละครด้วยชื่อจริงของนักแสดงหรือคนที่พวกเขาเป็นตัวแทน อย่างที่คริสตีน เอเบอร์โซล เล่นเป็นลูซีลล์ บอล ผมก็เรียกเธอว่า ลูซีลล์ ดูลิตเติล

คุณมีหลักเกณฑ์ในการตั้งชื่อตัวละครอย่างไร?

มันไม่มีอะไรชัดเจนหรอก แต่บางทีผมก็รู้สึกว่าไม่อยากจะจ้างใครมาเล่นเป็นวิลเลียม โฮลเดน ผมอยากได้ใครที่มีความเป็นเอกลักษณ์ในตัวเอง และฌอน เพนน์เป็นหนังในคนที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สุด ผมชวนเขามาเล่นหนังของผมหลายครั้งแล้ว ผมอยากได้เข้ามาเล่นใน Boogie Night แล้วก็เคยคุยกับเขาตอนทำ Punch Drunk Love ผมคิดไว้แล้วว่าเขาจะเป็นขั้วตรงข้ามกับอดัม แซนด์เลอร์ แต่สุดท้ายมันไม่เวิร์ค ส่วนที่ดีเกี่ยวกับการแสดงของเขาคือจริง ๆ แล้วมันไม่ตลกเลย เขาไม่ได้พยายามเล่นให้มันดูตลก เขารับบทเป็นนักแสดงที่จริงจังแบบสุดลิ่มแล้วก็เพ้อเจ้อมาก ๆ นั่นแหละที่ทำให้มันตลก

แต่จอห์น ปีเตอร์ส ก็มารับบทเป็นจอห์น ปีเตอร์สในเรื่องนี้ คุณได้บอกเขาก่อนหรือเปล่าว่าเขาจะได้มาเป็นส่วนหนึ่งของเรื่องนี้?

ใช่ ผมโทรหาเขาและบอกเขาว่าเราจะเล่าเรื่องนี้และเขาจะได้มาปรากฏตัวในฐานะตัวละครตัวหนึ่ง เขาดูตื่นเต้นและมีความสุขมาก ๆ เขาบอกกับผมว่า “นายอยากทำอะไรก็จัดเต็มไปได้เลย แต่ขออย่างเดียว ใส่มุกจีบสาวของผมไปด้วย” ผมเลยถามว่ามุกจีบสาวของเขาคืออะไร เขาบอก “ผมมักจะเข้าไปหาผู้หญิงแล้วถามเธอว่าเธอชื่นชอบแซนด์วิชเนยถั่วหรือเปล่า” ผมถามเขากลับว่าแล้วมันเวิร์คหรือ? เขาตอบ “แน่สิ” เราเลยตัดสินใจใส่มันลงไปในบทด้วย

ในหนัง จอห์น ปีเตอร์สดูก้าวร้าวมาก ๆ ตอนแกรีและอนาลานำที่นอนน้ำมาส่งยังบ้านของเขา เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นจริงหรือเปล่า?

แกรีชอบเล่าเรื่องที่เขาขนส่งเตียงน้ำไปที่ต่าง ๆ เรื่องหนึ่งคือตอนที่เขาไปที่บ้านของจอห์น ปีเตอร์ส เขาเล่าว่า “จอห์นใจดีมาก ๆ เขาต้อนรับเราอย่างดี ก่อนจะบอกว่า พวกนายจัดการกันไปเลยนะ ผมออกไปดูหนังล่ะ” ผมรู้สึกว่ามันไม่ค่อยดราม่าเท่าที่ควร เลยตัดสินใจสร้างร่างปีศาจของจอห์น ปีเตอร์สขึ้นมา จริง ๆ มันก็มาจากเรื่องราวที่ผมเคยได้ยินจากโปรดิวเซอร์มาอีกที

คุณเคยทำหนังหนัก ๆ อย่าง The Master และ There Will Be Blood มาก่อน ในแง่นั้น Licorice Pizza เลยให้ความรู้สึกแตกต่างมาก ๆ ก่อนหน้านี้คุณเคยคิดว่าจะทำหนังเบา ๆ แบบนี้มาก่อนหรือเปล่า?

อาจจะนะ ผมจำไม่ได้ชัด ๆ ว่าเคยอยากทำอะไรแบบนี้จริงจัง มันก็มีความคิดโผล่ขึ้นมาบ้างตอนที่ผมกำลังเขียนอะไรหนัก ๆ อยู่ มันเลยไม่ได้น่าสนใจเท่าไรสำหรับผมในตอนนั้น แต่เรื่องนี้โผล่ขึ้นมาและยังคงความสนใจจากผมอยู่ มันทำให้ผมอยากออกไปข้างนอกและทำให้มันเป็นรูปร่างขึ้นมาจริง ๆ

หนังของคุณจะออกฉายทางโรงภาพยนตร์ ขณะที่หนังลักษณะนี้หลาย ๆ เรื่องเลือกจะไปฉายทาง Netflix คุณอยากทำหนังให้แก่บริการสตรีมมิ่งหรือเปล่า?

ผมเคยทำหนังกับ Netflix แล้ว ในหนังสั้นเรื่อง Anima เราได้รับประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ในการถ่ายทอดเรื่องราวของการเต้นรำให้แก่ผู้ชมในวงกว้าง ในแง่นั้นผมเลยมีประสบการณ์ที่ดีกับพวกเขา แต่ในขณะเดียวกันผมก็มีความสัมพันธ์ที่ดีกับ Universal, Focus และ MGM พวกเขาทำธุรกิจในแบบนี้ต่างออกไป ซึ่งเป็นธุรกิจที่ผมรักและสนับสนุน ผมคิดว่ามันเป็นเรื่องของการเปิดกว้างที่จะทำอะไรหลาย ๆ อย่าง

คุณกังวลเกี่ยวกับสถานการณ์ของธุรกิจโรงภาพยนตร์ไหม?

ใครจะไม่กังวลล่ะ แต่คุณรู้อะไรไหม ความกังวลของผมน้อยลงไปมากเมื่อเทียบกับเมื่อห้าสัปดาห์ก่อน เพราะเมื่อยิ่งเวลาผ่านไปดูเหมือนว่าหนังเริ่มกลับมาทำรายได้กันดีมากขึ้น อย่าง Venom 2 และ James Bond มันเป็นสัญญาณว่าพวกเขากำลังกลับมา เรื่องที่น่ากังวลคือเมื่อเรากลับมาอยู่ในจุดที่เคยเป็นได้แล้ว เราจะยังเลือกทำอะไรเดิม ๆ และคนดูก็ยังเลือกจะเสพอะไรเดิม ๆ หรืออยู่หรือเปล่า

แต่หนังที่คุณยกตัวอย่างมาเป็นหนังแฟรนไชส์ จะเป็นไปได้หรือเปล่าว่าฮอลลีวู้ดจะใช้โอกาสนี้กลับไปสร้างแต่ ‘อะไรเดิม ๆ’ อีก?

เราผ่านความกลัวแบบนั้นมาแล้ว ความกังวลจะผ่านไปเองเมื่อมีหนังดี ๆ สเกลเล็ก ๆ ที่เปี่ยมไปด้วยความคิดสร้างสรรค์สองสามเรื่องถูกสร้างออกมา พูดตามความจริง ผมเองก็เคยกังวลเหมือนกันว่ามันอาจจะถึงกัลปาวสานแล้ว แต่มันถึงเวลาที่อุตสาหกรรมนี้จะต้องได้รับบทเรียนอะไรสักอย่างแล้ว ใช่ไหมล่ะ พวกเขาผลิตหนังแบบนั้นมายี่สิบสามสิบเรื่อง มันยิ่งใหญ่อลังการขึ้นเรื่อย ๆ แต่กลับห่วยลงเรื่อย ๆ แล้วคุณยังแปลกใจอีกหรือที่สุดท้ายแล้วมันจะกลวงโบ๋ทั้งหมด พวกเขาสร้างพีรามิดพวกนี้ขึ้นมาก็เพื่อเอาไว้เก็บศพตัวเอง

คุณติดขัดอะไรไหมถ้าคนดูจะดูหนังของคุณผ่านสตรีมมิ่ง?

ไม่เลย ผมไม่ติดใจอะไรถ้าคนจะค้นพบงานของผมผ่านช่องทางนั้น ผมคาดหวังด้วยซ้ำว่ามันจะอยู่ไปอีกนานหลังผมจากไป

หนังเรื่องไหนบ้างที่คุณเพิ่งดูไม่นานนี้แล้วรู้สึกชอบ?

Shang-Chi สนุกดีนะ มันขับเคลื่อนด้วยมวลพลังบางอย่าง ผมอยู่ในครอบครัวที่ทุกคนคลั่งไคล้มาร์เวล เราเลยตื่นเต้นกับการผจญภัยบทใหม่ของพวกเขามาก ๆ Venom 2 ผมก็ชอบ Titane ก็คุ้มค่าที่จะเข้าไปรับชม แต่ต้องเตือนไว้ก่อน ผมไม่รู้ว่าจะแนะนำมันอย่างไร มันไม่ใช่หนังสำหรับทุกคน ผมไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองรู้สึกอย่างไรกับมัน แต่ให้ตายเถอะ มันคือผลงานของศิลปินตัวจริง ผมลุ้นแทบแย่ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ผมได้ดูตัวอย่างของ King Richard แล้ว ถ้าหนังออกฉายผมจะไปดูตั้งแต่วันแรกแน่นอน เมื่อไรก็ตามที่วิลล์ สมิธเริ่มร่ายมนต์สะกด คุณไม่อาจละสายตาจากเขาได้เลย ผมรักการแสดงของเขาใน Pursuit of Happyness มาก ๆ หนังเรื่องนั้นควรถูกพูดถึงมากกว่านี้

คุณช่วยลุ้นให้ผู้กำกับคนอื่น ๆ ประสบความสำเร็จไหม ?

แน่นอน ผมรักความรู้สึกเวลาที่ผู้กำกับกำลังพาคุณไปที่ไหนสักแห่ง ณ เวลานี้มันคงโง่เขลามากหากคุณไม่ช่วยเป็นกำลังใจให้แก่คนทำหนังคนอื่น ๆ พอคุณแก่ตัวขึ้น มันไม่มีความรู้สึกของการแข่งขันกันแล้ว เพราะความสำเร็จของคนหนึ่งย่อมเป็นผลดีต่อคนอื่น ๆ ด้วย หนังดี ๆ จะส่งเสริมซึ่งกันและกัน

นอกจากฌอน เพนน์ที่คุณพยายามตามจีบมาเป็นสิบ ๆ ปี มีนักแสดงคนอื่นอีกไหมที่คุณยอมแลกทุกอย่างเพื่อจะร่วมงานด้วย?

เดนเซล (วอร์ชิงตัน) แค่คิดถึงความทรงพลังของเขา ความเป็นซูเปอร์สตาร์ และเรนจ์การแสดงของเขา ผมก็ตื่นเต้นแล้ว โอลิเวีย โคลแมนด้วย พลังในการแสดงของเธอเหลือล้นจริง ๆ เมื่อไรก็ตามที่ผมได้ทำงานกับใครสักคน ผมจะอยากกลับไปทำงานกับพวกเขาอีกเสมอ รวมถึงในหนังเรื่องนี้ด้วย และผมก็รอไม่ไหวแล้วที่จะได้ร่วมงานกับวาคีนอีก แต่ตอนนี้ผมยังหาอะไรที่คู่ควรกับความสามารถระดับเขาไม่ได้

เควนตินประกาศว่าเขาจะวางมือหลังจากทำหนังครบสิบเรื่อง แต่นักแสดงที่คุณเคยร่วมงานด้วยอย่างแดเนียล เดย์-ลูวิสก็เคยกล่าวว่าจะวางมือ คุณมีความคิดว่าจะเลิกทำหนังหรือเปล่า?

ผมใช้ชีวิตบนอารมณ์ความรู้สึกเป็นหลักเกินกว่าจะวางแผนอะไรแบบนั้นได้ มันปฏิเสธความหุนหันพลันแล่นของคุณเอง ผมเข้าใจเควนตินนะ เขาเชื่อว่ายิ่งผู้กำกับแก่ตัวไปหนังของเขาจะแย่ลงเรื่อย ๆ แต่ไม่รู้สิ ผมอยากทำหนังไปเรื่อย ๆ ตราบเท่าที่ยังทำไหว แต่ถ้าผมจะเลิกทำ ผมก็คงไม่มาป่าวประกาศบอกใคร ผมอาจจะแค่หายเงียบไปเลยโดยไม่บอกใคร มันเหมือนอยู่ดี ๆ คุณไปบอกใครบางคนว่า “คืนนี้ผมไม่ไปบ้านคุณแล้วนะ” เขาเลยตอบกลับมาว่า “โอเค แต่ผมไม่ได้ชวนคุณสักหน่อย” แล้วคุณก็ตอบไปอีกว่า “ผมรู้ แต่ผมไม่ไปไง”

แดเนียล เดย์-ลูวิส และพอล โทมัส แอนเดอร์สัน

แดเนียล เดย์-ลูวิส จริงจังแค่ไหนกับการวางมือ?

เราทุกคนต่างหวังให้เขาเปลี่ยนใจ มันคงจะดีใช่ไหมล่ะ ตอน Phantom Thread ออกฉาย ผมถูกถามเรื่องนี้เยอะมาก และตอนนี้ผมก็รู้สึกคล้าย ๆ กับตอนนั้น ผมก็เหมือนกับทุก ๆ คน เราอยากเห็นการแสดงของเขาอีก แต่ขณะเดียวกันผมคิดว่าเขาให้อะไรกับเรามามากเกินพอแล้ว เราควรปล่อยให้เขาพัก เขาสมควรได้รับมัน

ในฐานะคนทำหนัง อายุที่มากขึ้นเปลี่ยนแปลงคุณไปอย่างไรบ้าง?

สัญชาตญาณอยากให้ผมตอบไปว่าเมื่อคุณอายุมากขึ้น คุณจะรู้สึกมั่นใจมากขึ้น แต่ใครก็ตามที่ทำอาชีพนี้ต่างรู้ว่าความมั่นใจเป็นแค่ภาพลวงตา วันนึงผลงานที่เคยดีก็อาจจะไม่มีความหมายอะไร คุณไม่มีทางรู้ว่าอะไรรอคุณอยู่ข้างหน้า แต่เมื่อคุณอายุมากขึ้น คุณพอจะคาดการณ์บางอย่างได้แม่นยำมากขึ้น ประสบการณ์ที่มากขึ้นขยับขยายวิสัยทัศน์ของคุณให้กว้างขึ้น แต่ทุกอย่างมีข้อแม้ คุณอาจจะมีประสบการณ์ทำงานกว่า 25 ปี แต่เมื่อไรก็ตามที่คุณก้าวเท้าเข้าไปยังกองถ่าย คุณก็กลายเป็นไอ้เด็กฝึกหัดอีกครั้ง และบางทีนั่นอาจจะเป็นทั้งสเน่ห์และความเสพติดสำหรับเราทุกคนที่ทำสิ่งนี้อยู่


อ้างอิง

https://variety.com/2021/film/features/paul-thomas-anderson-licorice-pizza-alana-haim-cooper-hoffman-1235107853/